ดีทมาร์ ฮามันน์ ตำหนิ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ที่ไม่เป็นมืออาชีพ หลังเยอรมนีพ่ายแพ้ต่อญี่ปุ่นในศึกฟุตบอลโลก
ดีทมาร์ ฮามันน์ ตราหน้าอันโตนิโอ รูดิเกอร์ว่า ‘ไม่เป็นมืออาชีพ’ และ ‘หยิ่งยโส’
โดยอดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนี ออกมากล่าวตำหนิรุ่นน้องอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ กองหลังของเรอัล มาดริด ว่าไม่ควรทำท่าทางในเชิงล้อเลียนคู่แข่ง แบบในเกมที่ ทัพอินทรีเหล็ก เพิ่งพ่ายแพ้ญี่ปุ่นไป 1-2
ฟุตบอลโลก 2022 นัดแรกของกลุ่มอี ระหว่าง เยอรมัน ลงเล่นที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดียม ในกรุงโดฮา เมืองหลวงของเจ้าภาพกาตาร์ พบกับ ญี่ปุ่น
เกมนี้เยอรมันออกนำไปก่อนจากจุดโทษ ดาวิด เราม์ ไปโดน ชูอิจิ กอนดะ ออกมาสกัดล้มลงไป ก่อนจะเป็น อิลคาย กุนโดกัน รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ส่งให้อินทรีเหล็กออกนำ 1-0
ครึ่งหลังญี่ปุ่นแก้เกมมาได้ดี จนกระทั่งนาทีที่ 75 ทาคุมิ มินามิโนะ ตวัดไหลบอลทางกราบซ้ายเข้ากลางไปติดเซฟ มานูเอล นอยเออร์ บอลมาเข้าทาง ริสึ โดอัน แปซ้ำด้วยซ้ายตุงตาข่าย ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 1-1
ถัดมานาทีที่ 83 ทั้งโลกก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อทัพ ซามูไรบลู โชว์เลือดนักสู้แดนอาทิตย์อุทัย พลิกกลับมาขึ้นนำ จากจังหวะที่ ทาคุมะ อาซาโนะ แตะบอลหนีตัวประกบอย่าง นิโก้ ชล็อทเทอร์เบ็ค ก่อนยิงมุมแคบด้วยขวาแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ อย่างเด็ดขาด ช่วยให้ญี่ปุ่นแซงนำ 2-1
ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นญี่ปุ่นเอาชนะไปได้แบบพลิกล็อค 2-1 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ พร้อมกลายเป็นตัวแทนจากเอเชียทีมที่สองแล้วที่สร้างเซอร์ไพรส์ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ต่อจากซาดุอีอาระเบียที่พลิกล็อคชนะอาร์เจนตินาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
แต่ประเด็นดราม่าของเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ 29 ปี เพิ่งตกเป็นประเด็นวิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ หลังจากที่เขาวิ่งในท่ายกขามากกว่าปกติ ระหว่างแย่งบอลกับ ทาคุมะ อาซาโนะ กองหน้าของฝั่งญี่ปุ่น
ดีทมาร์ ฮามันน์ อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนี ออกมากล่าวตำหนิรุ่นน้องอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ว่า
“รูดิเกอร์ยกขาขึ้นและทำอย่างที่คุณก็รู้กัน คุณไปดูถูกคู่แข่งแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันจะย้อนกลับมาหาคุณเมื่อถึงจุดหนึ่ง”
“ผมคิดว่ามันไม่มืออาชีพมากๆ ผมคิดว่ามันเกินเหตุไป มันคือความหยิ่งยโส เขาอาจจะได้หัวเราะ แต่กลายเป็นว่ามีแค่ทีมเดียวที่ได้หัวเราะตอนนี้”
“สปิริตของเกมมันคือการเคารพคู่แข่ง เคารพคู่แข่งของคุณ และเขาไม่ได้ทำแบบนั้น ผมไม่มีคำอธิบายหรือข้ออ้างใดๆ ในเรื่องนี้” ฮามันน์กล่าว
ที่มาของข่าว metro.co.uk
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook