ทีมจากแอฟริกา 3 ทีมก่อนหน้านี้เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศของการแข่งขันแล้ว แต่ไม่สามารถก้าวไปไกลกว่านี้ได้ แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป
โมร็อกโก ได้จุดประกายฟุตบอลโลกครั้งนี้ และแฟนบอล ทีมชาติโมร็อกโก ก็ได้รับรางวัลจากการได้เห็นทีมของพวกเขากลายเป็นทีมแรกจากทวีปแอฟริกา ในประวัติศาสตร์ 92 ปี ฟุตบอลโลก ที่เข้ารอบรองชนะเลิศ
คริสเตียโน โรนัลโด้ และ โปรตุเกส ถูกส่งกลับบ้าน และ แอตลาส ไลออนส์ ก็ส่งเสียงคำรามด้วยลูกโหม่งของยูเซฟ ออง-เนซีรี
“เรากำลังกลายเป็นทีมที่ทุกคนรัก เพราะเรากำลังแสดงให้เห็นว่าเราสามารถบรรลุอะไรได้บ้าง” วาลิด เรกรากุย กุนซือของโมร็อกโก กล่าว
“ถ้าคุณแสดงให้เห็นถึงความหลงใหล หัวใจ และความเชื่อ คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ และ นักเตะของผมแสดงให้เห็นแล้ว ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์ คนในยุโรปอาจบอกว่าใช่
แต่ที่เราเอาชนะ โปรตุเกส, สเปน, เบลเยียม และเสมอกับ โครเอเชีย ได้โดยไม่เสียประตู นั่นคือผลของการทำงานหนัก”
“ทีมจากแอฟริกัน และ อาหรับ ฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่มันหายเหนื่อยเมื่อเราทำให้คนของเรามีความสุขและภูมิใจ คนทั้งทวีปภูมิใจ เมื่อคุณดู Rocky Balboa คุณต้องการสนับสนุนเขา และเราคือ Rocky ของฟุตบอลโลกครั้งนี้”
แคเมอรูน (1990), เซเนกัล (2002) และกานา (2010) ต่างไม่สามารถผ่านรอบก่อนรองชนะเลิศได้เลย แต่ โมร็อกโก ก็พังเพดานกลายเป็นทีมแรกจากทวีปแอฟริกาที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
แพ็ต เนวิน อดีตปีกทีมชาติสกอตแลนด์กล่าวในรายการวิทยุ BBC Radio 5 Live ว่า “เสียงในสนามนี้มันเหลือเชื่อมาก ผมพยายามนึกถึงเหตุการณ์สุดช็อกเช่นนี้ในฟุตบอลโลก”
“พวกเขาสมควรได้รับมัน ไม่ใช่แค่ทักษะและความพยายามเท่านั้น แต่เสียงเชียร์นั้นกลับดังขึ้นเรื่อยๆ”
โมร็อกโกไม่ได้เป็นเพียงทีมจากแอฟริกาทีมแรก แต่ยังเป็นทีมอาหรับทีมแรกจากประเทศที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ที่สามารถผ่านเข้ารอบ 4 รายการสุดท้ายของการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฟุตบอลโลก
ที่มาของข่าว www.bbc.com
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook