ผ่านไปแล้ว 62 เกมเหลืออีกเพียง 2 เกมเท่านั้นที่ยังไม่ได้ลงเล่นในฟุตบอลโลกที่กาตาร์
นั่นคือรอบชิงอันดับสามระหว่าง โครเอเชียกับโมร็อกโก ในวันเสาร์นี้ และ นัดชิงชนะเลิศระหว่าง อาร์เจนตินากับแชมป์เก่าฝรั่งเศส ในวันอาทิตย์
ลิโอเนล เมสซีได้ให้คำมั่นแล้วว่าไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ นี่จะเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของเขา กับทีมอาร์เจนตินา และแน่นอนว่าเวทีนี้พร้อมแล้วสำหรับกองหน้าวัย 35 ปี ที่จะก้าวไปสู่จุดสูงสุด
อย่างไรก็ตาม ฝรั่งเศสก็มีความกระตือรือร้นไม่แพ้กันที่จะเป็นทีมแรกที่รักษาแชมป์โลกไว้ได้ ต่อจากบราซิลเคยทำได้เมื่อ 60 ปีที่แล้ว ในปี 1958 และ 1962
และ Les Bleus ยังมีซูเปอร์สตาร์อย่าง เอ็มปับเป้ ดาวยิงที่ซัดไปแล้ว 5 ประตู ที่มาพร้อมความเร็วที่จะฉีกกระชากแนวรับเข้าไปซัดประตูเพิ่มเพื่อรางวัลดาวซัลโว
อีกหนึ่งสิ่งซึ่งเป็นที่น่าสนใจจากฟุตบอลโลกทุกปี คือรางวัลดาวซัลโว หรือผู้ทำประตูสูงสุดในฟุตบอลโลก ซึ่งจะมีแค่คนที่ยิงประตูสูงสุดในฟุตบอลโลกเท่านั้น ที่จะคว้าไปครอง
สำหรับฟุตบอลโลกในปี 2022 สถานการณ์ในตอนนี้ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ นำดาวซัลโวร่วมกับ ลีโอเนล เมสซี อยูที่ 5 ประตู ตามมาด้วย 4 ประตู อย่าง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ อีกหนึ่งกองหน้าจาก อาร์เจนตินา
สำหรับรองเท้าทองคำจะตัดสินจากจำนวนประตูทั้งหมดที่ผู้เล่นแต่ละคนทำได้ แต่หากยิงได้เท่ากันมากกว่า 1 คน รางวัลนี้จะไปตัดสินกันที่จำนวนแอสซิสต์ รวมถึงจำนวนนาทีที่ลงสนาม
ดังนั้น เมสซี่ จึงได้เปรียบมากที่สุดเพราะทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ ขณะที่ เอ็มบัปเป้ ทำ 2 แอสซิสต์ ส่วนจำนวนนาทีที่ลงสนามนั้น เมสซี่ เล่นไปแล้ว 570 นาที มากกว่าเอ็มบัปเป้ที่เล่นไป 477 นาที
ในอดีต การชิงรางวัลรองเท้าทองคำมีความเข้มข้นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นในศึกฟุตบอลโลก 2010
ที่ โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมนี) ยิงได้ 5 ประตูเท่ากับเวสลีย์ สไนจ์เดอร์ (เนเธอร์แลนด์), ดาบิด บีย่า (สเปน) และดีเอโก้ ฟอร์ลัน (อุรุกวัย)
แต่ มุลเลอร์ ทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดจึงคว้ารางวัลนี้ไปครอง
ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม (ถุงมือทองคำ)
ถุงมือทองคำมอบให้กับผู้รักษาประตูที่มีผลงานดีที่สุดในฟุตบอลโลก โดยมีนายทวารชื่อดังที่เคยคว้ารางวัลนี้มาแล้ว
เช่น โอลิเวอร์ คาห์น (เยอรมนี), อิเกร์ กาซียาส (สเปน), มานูเอล นอยเออร์ (เยอรมนี), จานลุยจิ บุฟฟ่อน (อิตาลี) นับตั้งแต่มีการมอบรางวัลนี้ครั้งแรกเมื่อปี 1994
ผู้ชนะจะได้รับการตัดสินโดยคณะกรรมการด้านเทคนิคของฟีฟ่า ซึ่งตัดสินจากฟอร์มการเล่น พัฒนาการ สถิติการเซฟ และจำนวนนาทีที่ลงสนาม
สำหรับตัวเต็งรางวัลดังกล่าวในปีนี้ นายทวารจาก 4 ทีมที่ผ่านถึงรอบตัดเชือก ถือว่าเข้าข่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนตินา), โดมินิค ลิวาโควิช (โครเอเชีย)
และ ยาสซีน บูนู (โมร็อกโก) ที่ระเบิดฟอร์มเซฟจุดโทษจนพาทีมผ่านเข้ารอบมาได้ ขณะที่ อูโก้ โยริส (ฝรั่งเศส) แม้จะไม่ได้โชว์ฝีมือในการดวลจุดโทษ แต่เขาคือผู้รักษาประตูของทีมที่ผ่านเข้าชิงฟุตบอลโลกได้ถึง 2 สมัยติดต่อกัน
นักเตะยอดเยี่ยม (ลูกบอลทองคำ)
ลูกบอลทองคำจะมอบให้กับผู้เล่นที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในฟุตบอลโลก โดยสมาชิกที่ได้รับเลือกจากสื่อทั่วโลกจะลงคะแนนเลือกจากรายชื่อผู้เข้าชิงที่คัดเลือกโดยคณะกรรมการด้านเทคนิคของฟีฟ่า
แม้ว่าผลลัพธ์ในตอนสุดท้ายอาจขึ้นอยู่กับผลการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ เมสซีและเอ็มบัปเป้ เป็นสองผู้เข้าแข่งขันหลักสำหรับรางวัลในปี 2022
แต่ช่วงหลังรางวัลนี้ถูกตั้งข้อสังเกตว่ากลายเป็นรางวัลปลอบใจผู้แพ้ เพราะในปี 2018 ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย) ได้รางวัลนี้หลังพ่ายฝรั่งเศสในนัดชิง ปี 2014 ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนตินา) ได้รางวัลนี้หลังพ่ายเยอรมนีในนัดชิง
ปี 2006 ซีเนดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส) ได้รางวัลนี้หลังพ่ายอิตาลีในนัดชิง และปี 2002 ที่ โอลิเวอร์ คาห์น (เยอรมนี) ได้รางวัลนี้หลังพ่าย บราซิล ในนัดชิง
จึงกลายเป็นภาพแปลกตาที่เราต้องเห็นผู้ได้รางวัลนี้ถือลูกบอลทองคำอย่างเศร้าสร้อยพร้อมมองดูการเฉลิมฉลองของทีมคู่แข่งที่คว้าแชมป์โลก
ที่มาของข่าว ESPN
แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook